พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเล่นโป๊กเกอร์ มือใหม่มือเก่าเข้ามาดูพร้อมกันได้เลย

พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเล่นโป๊กเกอร์ มือใหม่มือเก่าเข้ามาดูพร้อมกันได้เลย

พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเล่นโป๊กเกอร์ ถือว่าเป็นเกมที่ไม่ได้มีความยากในการเล่นมากนัก แต่มันยากก็ตรงที่เราต้องใช้ชั้นเชิงในการเล่นค่อนข้างสูงนี่แหละ มันเป็นเกมที่ใช้จิตวิทยาในการเล่นในการหลอกล่ออีกฝ่ายเอาเสียมาก ๆ และถ้าใครที่ไม่แม่นเรื่อง พื้นฐาน ที่ต้องรู้แล้วล่ะก็ ต่อให้เป็นการเล่นผ่าน คาสิโนออนไลน์ ยังไงก็โดนรุมกินโต๊ะอยู่ดี งั้นวันนี้เราไปดูกัน ว่ามีเรื่องอะไรที่เราต้องเข้าใจบ้าง ก่อนเล่นไพ่ โป๊กเกอร์ Lottosod

พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเล่นโป๊กเกอร์

พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเล่นโป๊กเกอร์ มีอะไรบ้าง(1)

ถือว่าเป็นไพ่อีกรูปแบบหนึ่งที่นิยมเล่นกันทั่วโลก โดยเฉพาะตามบ่อนคาสิโน วิธีการเล่นก็ง่าย ๆ ใช้แค่ไพ่ 1 สำรับ กับผู้เล่น 2 คนขึ้นไป มีความพิเศษและโดดเด่นตรงที่เกมนี้จะไม่มีเจ้ามือ มีเพียงแค่ผู้เล่นมาแข่งกันเองเท่านั้น และ/สามารถมีผู้ชนะได้มากกว่า 1 คน ซึ่ง โป๊กเกอร์ ถูกนำไปประยุกต์เป็นอีกหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Texas Hold’em, Omaha, 7/5 Stud และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งจะมีรายละเอียดกติกาที่แตกต่างกันไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสนุกในการเล่น

สำหรับวิธีการเล่นไม่แค่มีเวลาศึกษาก็ใช้เวลาไม่นาน แต่การจะเล่นให้เก่ง ชนะให้บ่อย จำเป็นต้องฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการอ่านสีหน้า ท่าทาง การคำนวณ การหลอกล่อ เพราะว่าเกมนี้มันไม่ได้แค่ดวงดีก็จะเล่นได้ นักพนันทั้งหลายจึงต่างยกให้เป็นเกมกีฬามากกว่าการพนันตาม คาสิโนออนไลน์

สิ่งที่จะขาด และพลาดไม่ได้ในการเล่น โป๊กเกอร์ เพียงแค่ช่องโหว่เล็กน้อยก็สามารถถูกมองออกได้ว่าเป็นมือใหม่หัดเล่น ซึ่งเรื่องพื้นฐานที่ต้องจำ และทำความเข้าใจมีดังนี้

ศัพท์พื้นฐานที่ใช้ในการเล่น

แม้ว่าจะเป็นการเล่นผ่าน คาสิโนออนไลน์ แต่ศัพท์ที่ใช้ก็ยังคงเหมือนเดิม ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือเราต้องรู้ว่าที่เขาพูดกันมันหมายถึงอะไร แล้วต้องทำยังไง ซึ่งในเกม โป๊กเกอร์ คำที่มักจะได้ยินบ่อยก็จะมี

  • Call คือการวางเดิมพันตาม เป็นการวางเดิมพันเท่ากับเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะในรอบนั้น สมมติว่าถ้ามีผู้เล่นวางเดิมพัน 10 หน่วย ซึ่งตอนนั้นเป็นเดิมพันที่สูงที่สุดแล้ว หากเราทำการ Call เราก็จะต้องวางเดิมพัน 10 หน่วยด้วยเหมือนกัน
  • Check คือการขอผ่านรอบนั้น โดยมีเงื่อนไขในการ Check ก็คือจะต้องมีเงินเดิมพันเท่ากับเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะ หากมีคนเพิ่มเดิมพัน (Raise) ก่อนหน้านี้ เราก็จะต้องทำการ Call ก่อนถึงจะ Check ได้
  • Raise เป็นการเพิ่มเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะ หากผู้เล่นต้องการเล่นในรอบต่อไปจำเป็นต้องเพิ่มเงินเดิมพันให้เท่ากันทุกคน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม
  • Fold เป็นการทิ้งไพ่เมื่อไม่ต้องการที่จะเล่นต่อ ไม่มีการกำหนดว่าต้องทิ้งในรอบไหน อยากทิ้งตอนไหนก็ได้เพียงแต่เงินเดิมพันที่วางไปแล้วจะไม่ได้คืน
  • All-in หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “เทหมดหน้าตัก” ส่วนมากจะเกิดขึ้นในสองกรณีก็คือ ถ้าไม่มั่นใจว่าไพ่ตัวเองดีมาก ๆ ก็คือต้องการจะบลัฟคนอื่นว่าตัวเองมีไพ่เหนือกว่า นอกจากนี้ยังสามารถทำได้ในกรณีที่มีเงินเดิมพันเหลือน้อยแล้ว และเงินเดิมพันมีไม่พอ สำหรับเงินรางวัลที่ได้หากชนะจะมากน้อยไปตามจำนวนเงินที่ลงไปเท่านั้น
  • Bet หมายถึงเงินเดิมพัน
  • Pot หมายถึงเงินกองกลางที่มาจากเงินเดิมพันที่ผู้เล่นแต่ละคนวาง และจะเป็นของผู้ชนะเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีคำศัพท์ที่เกี่ยวกับตำแหน่งการเล่นดังนี้

  • Button หมายถึงปุ่มหรือสัญลักษณ์ที่บอกตำแหน่งของผู้เล่น และจะมีการวนไปเรื่อย ๆ ตามเข็มนาฬิกา
  • Big blind (BB) หมายถึงผู้เล่นที่ถูกบังคับให้วางเดิมพันสูงสุดตามที่เกมกำหนดไว้ เช่น โต๊ะกำหนดไว้ให้วางเดิมพันไม่เกิน 10 หน่วย ผู้เล่นที่เป็น BB ก็จะต้องวางเดิมพัน 10 หน่วย
  • Small blind (SB) หมายถึงผู้เล่นที่ถูกบังคับให้วางเดิมพันครึ่งหนึ่งของเดิมพันสูงสุดของโต๊ะ เช่น โต๊ะกำหนดให้วางเดิมพันได้ไม่เกิน 10 หน่วย ผู้เล่นที่เป็น SB ก็จะต้องวางเดิมพัน 5 หน่วยเท่านั้น ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้
  • Dealer หมายถึงผู้เล่นคนสุดท้ายที่จะได้รับไพ่ ถือว่าเป็นตำแหน่งดีที่สุดเพราะมีโอกาสได้ดูท่าทีของผู้เล่นคนอื่นก่อน

พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อนเล่นโป๊กเกอร์มีอะไรบ้าง(2)

กติกาและวิธีเล่น

เรื่องกฎกติกาถือว่าเป็นอีกเรื่องที่พลาดไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นการพนันรูปแบบไหนก็ตาม ซึ่ง โป๊กเกอร์ เองก็มีวิธีการเล่นและกติกาที่ต้องจำดังนี้

  1. เริ่มจากผู้เล่นที่เป็น Big blind และ Small blind วางเดิมพันตามที่โต๊ะกำหนดไว้
  2. ผู้แจกไพ่จะเริ่มแจกไพ่ให้กับผู้เล่น Big blind ก่อนเป็นคนแรก แล้วค่อยวนไปจนถึงผู้เล่นคนสุดท้าย ด้วยไพ่คนละ 2 ใบ
  3. ผู้เล่นทุกคนดูไพ่ในมือก่อนที่การเล่นรอบแรกจะเริ่มขึ้น จากนั้น Big blind จะเป็นคนเริ่มเล่นก่อน แล้วค่อยวนไปหาผู้เล่นคนอื่นตามเข็มนาฬิกาแล้วไปจบรอบที่ Dealer และในขณะที่ผู้เล่นถูกวนรอบมาถึงตนเอง สามารถเลือกได้ว่าจะ Fold, Call, Raise หรือ Check
  4. ผู้เล่นทุกคนจะต้องใช้ 4 ตัวเลือกในข้อสามในการเล่น เล่นไปจนกว่าเงินเดิมพันของตัวเองจะเท่ากับผู้เล่นทุกคน จึงจะสามารถเริ่มรอบต่อไปได้
  5. ผู้แจกไพ่ทำการ Flob โดยการเปิดไพ่ 3 ใบจากกองกลางแล้วหงายบนโต๊ะ เพื่อให้ผู้เล่นทุกคนเอาไพ่ในมือมาจัดชุด เมื่อเปิดไพ่เสร็จแล้วผู้เล่นจะเริ่มเล่นรอบที่สองด้วย 4 ตัวเลือกเหมือนเดิม เมื่อทุกคนวางเดิมพันเท่ากันแล้วเงินเดิมพันจะถูกย้ายไปไว้ที่ Pot ก่อนเริ่มต้นรอบต่อไป
  6. ผู้แจกไพ่ทำการ Turn โดยการเปิดไพ่หงายบนโต๊ะอีก 1 ใบ แล้วให้ผู้เล่นทุกคนเริ่มเล่นรอบที่สามด้วย 4 ตัวเลือกอีกครั้ง
  7. ผู้แจกไพ่ทำการ River โดยการเปิดไพ่ใบสุดท้ายหงายบนโต๊ะ 1 ใบ ซึ่งรอบนี้คือรอบสุดท้ายในการเล่น ผู้เล่นทุกคนจะนำไพ่ในมือ 2 ใบ กับไพ่หงายบนโต๊ะอีก 5 ใบมาจัดชุดเพื่อให้ได้ชุดไพ่ที่ดีที่สุด โดยผู้เล่นที่ได้แต้มมาสุดจะถือว่าเป็นผู้ชนะและคว้าเงินรางวัลจาก Pot ไปครอง ถือว่าจบรอบเกม

แต้มไพ่และดอกไพ่

สำหรับ โป๊กเกอร์ แล้วนอกจากแต้มหน้าไพ่ยังมีดอกไพ่ที่ใช้ในการวัดไพ่ โดยไพ่แต่ละใบจะมีแต้มดังนี้

  • A (Ace) เป็นไพ่ที่มีคะแนนสูงสุดเมื่ออยู่ในชุดไพ่เรียง แต่จะมีค่าเพียง 1 แต้มสำหรับชุดไพ่ทั่วไป
  • K (King) มี 13 แต้ม
  • Q (Queen) มี 12 แต้ม
  • J (Jack) มี 11 แต้ม
  • ไพ่หน้าตัวเลข 2-10 มีแต้มเท่ากับหมายเลขหน้าไพ่

ในกรณีที่มีไพ่แต้มเดียวกัน จะใช้วิธีวัดกันด้วยดอกไพ่ ซึ่งไพ่แต่ละดอกจะมีขนาดใหญ่ไปเล็กดังนี้

  • โพธิ์ดำ (♠)ถือเป็นดอกไพ่ใหญ่สุด
  • โพธิ์แดง หรือ หัวใจ (♥) เป็นไพ่ขนาดรองลงมา
  • ข้าวหลามตัด (♦) เป็นไพ่ที่เล็กกว่า โพธิ์แดง
  • ดอกจิก (♣) ถือเป็นดอกไพ่ที่เล็กสุด

สมมติว่ามีไพ่ K(♥) กับไพ่ K(♦) ซึ่งทั้งคู่ถือว่ามี 13 แต้มเหมือนกัน แต่จะถือว่าไพ่ K(♥) เป็นไพ่ใหญ่กว่า

 การจัดชุดไพ่

การจัดชุดไพ่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเล่น โป๊กเกอร์ แม้ว่าเราจะมีไพ่ดีที่สุดอยู่ในมือ แต่ถ้าจัดชุดไม่ได้ ไม่เข้าใจเรื่องการจัดไพ่ คือจบครับ เหมือนไก่ได้พลอย ดังนั้นจำไว้ว่าการเล่นไพ่ชนิดนี้เราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ชุดไพ่เราดีที่สุด ซึ่งชุดไพ่จะเรียงจากแต้มมากสุดไปน้อยสุดดังนี้

Royal Straight Flush ถือได้ว่าเป็นชุดไพ่ราชา เป็นไพ่ที่ใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยไพ่ A, K, Q, J และ 10 โดยไพ่ทั้ง 5 ใบจะต้องอยู่ในดอกเดียวกัน โอกาสที่จะเกิดไพ่ชุดนี้ได้มีแค่ 0.00015% เท่านั้น

Straight Flush จัดว่าเป็นชุดไพ่ที่ใหญ่รองลงมาเป็นอันดับสอง มีโอกาสเกิดดีขึ้นมาอีกหน่อยคือ 0.0015% สำหรับไพ่ชุดนี้จะประกอบไปด้วยไพ่แต้มเรียง 5 ใบที่อยู่ในดอกเดียวกัน

Four of Kind เป็นชุดไพ่ที่มีหน้าเดียวกันทั้ง 4 ใบ โอกาสออกไพ่ชุดนี้อยู่ที่ 0.024%

Full house สำหรับไพ่ชุดนี้ถือว่าจัดยากพอควร เพราะจะต้องมีไพ่ตองหน้าเดียวกัน บวกกับไพ่คู่หน้าเดียวกัน โอกาสออกไพ่ชุดนี้คือ 0.14% ถือว่าออกค่อนข้างบ่อย สำหรับการชี้แพ้ชนะจะเริ่มจากการวัดชุดไพ่ตองก่อน แล้วค่อยไปดูชุดไพ่คู่ตามลำดับ

Flush เป็นชุดไพ่ที่ไม่จำเป็นต้องเรียงหน้าไพ่แต่อย่างใด ขอแค่มีดอกเดียวกันก็พอ แต่ก็เป็นไพ่ที่มีโอกาสออกซ้ำกับคนอื่นได้ เพราะมีโอกาสออกไพ่มากถึง 0.2% ดังนั้นจึงต้องใช้ดอกไพ่เป็นตัววัดขนาดไพ่ด้วย

Straight เป็นไพ่เรียงแต้ม 5 ใบ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นดอกไหนขอแต่เรียงแต้มเป็นใช้ได้ ในกรณีที่มีผู้เล่นได้ Straight เหมือนกัน จะใช้วิธีวัดลำดับการเรียงว่าใครสูงกว่า (เรียงได้แต้มมากกว่า) โอกาสออกไพ่นี้คือ 0.39%

Three of kind เป็นการจัดชุดโดยที่ไพ่ 3 ใบจะต้องเป็นหน้าเดียวกัน (ไพ่ตอง) ส่วนอีก 2 ใบจะเป็นไพ่อะไรก็ได้ โอกาสออกไพ่นี้อยู่ที่ 2.1% กรณีที่มีผู้เล่นคนอื่นได้ไพ่ตองเหมือนกัน จะใช้ไพ่ที่เหลือในการวัดผลแพ้ชนะ

Two pair เป็นชุดไพ่ที่ประกอบไปด้วยไพ่คู่จำนวน 2 คู่ โดยจะใช้การเปรียบเทียบไพ่คู่แรกก่อน หากผลยังเสมอกันให้ดูไพ่คู่ที่สอง โอกาสออกไพ่ Two pair มีมากถึง 4.75%

One pair ไพ่ชุดนี้ไม่มีอะไรให้คิดเยอะครับ ขอแค่มีไพ่คู่เพียงแค่คู่เดียวก็พอ เป็นไพ่ชุดที่ออกบ่อยมากที่สุด โอกาสออกไพ่มากถึง 42% กันเลยทีเดียว

High Card จัดว่าเป็นชุดไพ่ระดับต่ำสุดของ โป๊กเกอร์ คือตัวไพ่จะเรียงแค่แต้มเท่านั้น คนส่วนมากมักไม่ค่อยให้ความนิยมในการเล่นไพ่ชุดนี้ เพราะมีโอกาสแพ้สูงมาก ๆ โอกาสที่จะชนะมีเพียงแค่ต้องไม่มีใครบนโต๊ะได้ไพ่สูงกว่านี้เลย หรือไม่ก็ต้องเป็นคนที่มีความชำนาญในการหลอกล่อสูงมาก ๆ จนทำให้คนที่มีไพ่เหนือกว่ายอมทิ้งไพ่ตัวเองลงมา

จากชุดไพ่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้สามารถสรุปขนาดของไพ่ได้คือไพ่ Royal flush > Straight flush > Four of kind > Full house > Flush > Straight > Three of kind > Two pair > one pair > High card

อย่างไรก็ตามอย่างที่ผมได้กล่าวไว้ในข้างต้นว่าการเล่น โป๊กเกอร์ มีดีแค่ดวงไม่ได้ สิ่งที่จำเป็นต้องมีคือทักษะและความชำนาญในการเล่น เกมนี้มันต้องใช้การหลอกล่อ การอ่านทางไพ่ การอ่านใจคนอยู่ตลอดเวลา การมีไพ่สูงไม่ได้มีอะไรรับประกันว่าจะไม่แพ้ให้กับไพ่ต่ำ

สามารถติดตามบทความดีๆได้ที่นี่

ข้อความนี้ถูกเขียนใน คาสิโนออนไลน์ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร